วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

Netflix สุดยอดธุรกิจเช่า DVD ตอนที่ 2

สงครามธุรกิจเช่า DVD ระหว่างบล็อคบัสเตอร์ VS เน็ตฟลิก VS เรดบ็อกซ์

เน็ตฟลิกเป็นธุรกิจที่ผมอยากทำเมื่อหลายปีก่อน แต่เมื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจแล้วก็ต้องเลิกล้มไป สาเหตุอันนึงมาจากเรื่อง “สิขสิทธิ์” ในอเมริกานั้นหากผมต้องการทำธุรกิจนี้ก็ไปคุยกับค่ายหนังเจ้าของลิขสิทธิ์ ค่ายหนังก็จะให้สิทธิ์หนังเรื่องนั้นมา โดยผมสามารถไปปั๊มแผ่น DVD ออกมาเพื่อให้เช่าได้ ได้ค่าเช่าเท่าไหร่ก็เอาไปแบ่งกับเจ้าของลิขสิทธิ์ต่อไป (อันนี้เป็นไอเดียคร่าวๆ นะครับ) แต่ในสำหรับบ้านเรา เวลาซื้อก็ต้องไปซื้อทีละแผ่นจากผู้ได้สิทธิ์มา ดังนั้นหากแผ่น DVD เกิดหายแผ่นนั้นก็ขาดทุนไปเลยครับ อันนี้เป็นประเด็นหลักที่ทำให้รูปแบบนี้เกิดยากในบ้านเรา
ก่อนการเกิดของเน็ตฟลิก ผู้ครอบครองตลาดเช่า DVD คือบล็อกบัสเตอร์ ซึ่งมีสาขาอยู่จำนวนมาก แต่เมื่อเน็ตฟลิกเกิดขึ้นด้วย Business Model ใหม่ ด้วยการให้เช่า DVD ผ่านอินเทอร์เน็ต แล้วคิดค่าบริการเป็นรายเดือน ทำให้เน็ตฟลิกเติบโตอย่างก้าวกระโดด บัลลังค์เจ้าตลาดอย่างบล็อกบัสเตอร์ก็ถูกสั่นสะเทือน
netflix_redbox_1.jpg
ถ้ายังจำกันได้ วิธีการเช่า DVD ไม่ว่าที่ไหนในโลก ส่วนใหญ่จะใช้กาิรเช่าแบบมีระยะเวลาเช่น กำหนดเช่าเ้รื่องละ 3 – 7 วัน หากเกินปรับวันละเท่านั้นเท่านี้ บล็อคบัสเตอร์ก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเน็ตฟลิกเกิดขึ้นแล้วจ่ายแค่เดือนละ 5 เหรียญ/เดือน ก็สามารถเช่าได้ไม่จำกัด โดยเราสามารถเลือกหนังจากเว็บเน็ตฟลิก แล้วทางเว็บเน็ตฟลิกจะส่งมาทางไปรษณีย์ เมื่อดูจบก็ไปหยอดลงตู้ไปรษณีย์ แล้วไปเลือกหนังใหม่มาดูต่อ
netflix_plans_2.jpg
และด้วย Business Model นี้ ที่ทำให้เน็ตฟลิกเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ในที่สุดทางบล็อคบัสเตอร์ก็ต้องไปเพิ่มธุรกิจในรูปแบบนี้เช่นกัน
blockbuster_plans_3.jpg
รูปแบบธุรกิจของเน็ตฟลิกนั้นกระจายไปทั่ว ทั้งอเมริกาและอังกฤษก็มีผู้ให้บริการเช่า DVD เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ผมรู้จัก Business Model ของเน็ตฟลิก แล้วมาคิดต่อว่าถ้าผมจะแข่งกับเน็ตฟลิกผมจะสร้าง Business Model อย่างไรที่จะชนะเน็ตฟลิกให้ได้ จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออกครับ เพราะรู้สึกว่าวิธีการนี้ของเน็ตฟลิกแบบนี้สมบูรณ์แบบหลือเกิน เว้นแต่จะเปลี่ยนเทคโนโลยีไป Online Movie ซึ่งก็ไม่ใช่ใน 4 – 5 ปีนี้แน่  เมื่อมีครองตลาดก็ย่อมมีผู้ท้าชิง และแล้วเร้ดบ็อกซ์ คือผู้ท้าชิงรายใหม่
netflix_redbox_4.jpg
เร้ดบ็อกซ์ใช้วิธีติดตั้งตู้เช่าแบบอัตโนมัติในแหล่งชุมชน ทั้งในซุปเปอร์มาเก็ต ศูนย์การค้า หรือข้างถนน ซึ่งปัจจุบันมีมากถึง 15,400 ตู้ ถือว่ามีจำนวนมากกว่าร้านให้เช่า DVD อีก ในอัตราค่าเช่าเพียงวันละ 1 เหรียญ ถูกกว่า Package ขึ้นต่ำของ Netflix ถึง 4 เหรียญ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้เช่า DVD ประจำ ซึ่งก็มีอยู่จำนวนมาก จึงทำให้รายได้ของเร้ดบ็อกซ์ มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว นี่ขนาดให้บริการเพียงวันละ 1 เหรียญ ก็ยังทำกำไรได้ถึง 50% ล่าสุดรายได้ของเร้ดบ็อกซ์อยู่้ที่ 154 ล้านเหรียญ หรือ 5,236 ล้านบาท และเน็ตฟลิก 394 ล้านเหรียญ หรือ 13,400 ล้านบาท นี่เป็นวีดีโอการใช้งานของเร้ดบ็อกซ์ จากวีดีโอจะเห็นได้ว่าใช้งานง่ายมาก

ที่ผมเขียนเรื่องนี้เพราะผมคิดว่าเน็ตฟลิกไม่น่าจะมี Business Model ไหน มาแข่งได้อีก แต่ในที่สุดเร้ดบ็อกซ์ก็โผล่มา ด้วย Business Model ย้อนยุคไปใช้แบบเครื่องหยอดเหรียญ แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากเสียด้วย

อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.bellja.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น